วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

Future Perfect Tense12


โครงสร้าง

      S + will /shall + have + been + Ving

หลักการใช้ 

        Tense นี้มีวิธีใช้เหมือนกับ Future Perfect ต่างกันตรงที่ว่า เราใช้ Tense นี้ก็เพื่อเน้นว่าการกระทำได้ดำเนิน
          ต่อเนื่องกันไปเมื่อถึงเวลานั้นการกระทำนั้นก็ยังคงดำเนินอยู่และจะดำเนินต่อไปอีก เช่น
                  - By 2005 we'll have been living in Lampang for ten years.
                        (เมื่อถึงปี 2005 เราจะอาศัยอยู่ในลำปางครบ 10 ปี = We came to live in Lampang in 1995.
                         We shall probably continue living in Lampang after 2005.)

                   - When we finish M.6, we 'll have been studying English for twelve years.
                          (เมื่อเราจบชั้น ม.6 เราจะเรียนภาษาอังกฤษครบ 12 ปี = We studied English in the past
                           and 
after we finish M.6 we probably continue studying English.)

                   - It will have been raining for one hour if it doesn't stop by four o'clock.
                           (ฝนจะตกได้ครบ 1 ชั่วโมง ถ้ามันยังไม่หยุดตกภายใน 4 โมงนี้ = It started raining at three o'clock
                            and it probably continue raining after that.)




Future Perfect Tense11

                 

โครงสร้าง
          S + will/shall + have + V3      

หลักการใช้


       ใช้เพื่อแสดงการกระทำหรือเหตุการณ์ซึ่งจะได้สิ้นสุดลง ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต โดยมีเวลา
       บอกไว้อย่างชัดเจนว่า เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะสำเร็จเรียบร้อย แม้ว่าในขณะที่พูด
        เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นแล้วหรือยังไม่เกิดก็ตาม มักใช้กับคำว่า "by" เช่น by tomorrow , 
        by 5 o'clock , by next week , by 2005 , by the end of this month (year) , 
        by then , by the time
             - By the end of this year your new maid will have broken all 
                your glasses.
                  (เมื่อถึงสิ้นปีนี้ คนใช้คนใหม่ของเธอจะทำแก้วแตกทั้งหมด =All the glass will break 
                    before the end of this year)
             - The meeting will have finished by six o'clcok.
                   (การประชุมจะเสร็จสิ้นแล้วเมื่อถึงเวลา 6 นาฬิกา = It may have started already 
                    or it may not have started yet. But it will finish before six.)
             - You'll have done your homework when your parents arrive.
                   (เธอจะทำการบ้านเสร็จแล้วเมื่อพ่อแม่กลับมาถึงบ้าน = The homework will be 
                   finished before their arrival.)
            - He'll have saved much by the time he has retired.
                   (เขาจะเก็บเงินได้มากแล้วเมื่อถึงเวลาที่เขาเกษียณจากงาน)

           หมายเหตุ -- ข้อความใน time clause นั้นจะต้องใช้ present simple หรือ 
                                present perfect จะใช้ future simple ไม่ได้ เช่น
         - When we reach America , we shall have sailed around the world.
         - She'll have written five books by the time she has finished this one.

 
ขอบคุณข้อมูลจาก:http://www.lks.ac.th/teacher_jonggonee/kaidream/future_perfect.html

Future Continuous Tense10


โครงสร้าง
             S + will / shall + be + Ving
I, We
shall
be
working
running
walking
learning
at this time tomorrow.
You , He , She , It
They , Samuel
will
หลักการใช้ 

             1. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นและจะกำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลาที่บ่งไว้ชัดเจนในอนาคต เช่น
                      - We'll be driving to the country at half past nine tomorrow.
                           (เราจะกำลังขับรถไปชนบทตอน 9.30 วันพรุ่งนี้)
                      - He'll be living in Australia this time next year.
                      - They'll be waiting at the airport when you arrive.
                      - Your parents will be thinking of you while you are taking the exam.

             2. ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้ตัดสินใจแน่นอนว่าจะทำเช่นนั้นในอนาคต เช่น
                     - He'll be having extra lessons twice a week next term.
                     -  You'll be wearing warm clothes every day when you live in England.

              3. ใช้เมื่อต้องการถามหรือขอร้อง (polite questions or requests)
                     - Will you be staying here longer?
                     - Will you be coming to see me soon?
                     - Will you be paying me a visit this week?      

ขอบคุณข้อมูลจาก:  http://www.lks.ac.th/teacher_jonggonee/kaidream/future_con.html                

Future Simple Tense9


โครงสร้าง
          S + will / shall + V1

I , We
shall
play football this evening.
eat some fruit.
go to the concert tonight.
You , He, She , It
They , Mary
will
หลักการใช้ 

      1. ใช้เมื่อจะมีการกระทำอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในอนาคต shall ใช้กับบุรุษที่ 1 (I , We) ส่วน will ใช้กับบุรุษที่ 2, 3
            (You , he , they , etc..) และคำนามทั่วไป (Jane , Tom , John and Mary, etc..) แต่ในปัจจุบัน
            เราใช้ will ได้กับทุกบุรุษสรรพนาม
            คำวิเศษณ์ที่บอกเวลา (Adverbs of time) สำหรับการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีดังนี้
            soon , shortly , in a short time , in a moment , in a while , in a week's time ,
            in two days' time , in the future , in a few minutes (days , weeks , months, etc..)
            tonight , tomorrow , next week (month , year, Monday, etc..) later (on) = afterwards ,
            from now on (ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป)
            - The play will begin in ten minutes' time.
            - The test tomorrow will be on everything in the book from Text 15 to Text 20.
            - We will finish "The Future Tense" next Friday.
            - I will try my best from now on.

       2. ประโยคแสดงอนาคตที่มีกริยา 2 ตัว ให้ใช้ future simple กับกริยาเพียวตัวเดียวตัวหนึ่ง ใช้
            present simple หรือ present perfect กริยาที่ใช้รูป future simple คือ คำกริยาซึ่งอยู่หน้าคำเชื่อม
            คำเชื่อมที่พบมาก ได้แก่ when , until , as soon as , before , after , the moment (that) ,
            by the time that , now that , unless

The Future Simple
if , unless, when, until,
as soon as, before , after ,
now that , the moment that,
by the time that
Present Simple
Present Perfect
             
                 - We will go if we have time.
                 - When they get here, you 'll see how tired they are.
                 - They cannot leave until they do(have done) their work.
                 - He will visit you after he has had something to eat.
                 - Now that you have won the lottery , what are you going to do?
                 - I'll wait
 until he comes.
                (คำ after , now that , when (ในความหมายของ after) นิยมใช้กับ Present Perfect)

       3. การกระทำที่มีการตัดสินใจที่จะทำหลังการถามเสร็จสิ้น โดยไม่ได้มีการวางแผนมาก่อนล่วงหน้า
               - John : Can anybody help me , please?
                  Helen : Yes, I'll help you. (มีการตัดสินใจว่าจะช่วยหลังจากที่ John ถาม)
               - Tom : You know today is Mary's birthday?
                  John : Oh really? I'll buy her a present.  (John จะซื้อของขวัญให้ Mary
                  หลังจากเพิ่งรู้จาก Tom ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของ Mary)


         

"The Going to " Future
                      
                 S + is/am / are + going to + V1

               หลักการใช้ to be going to
                a) ใช้แทน will หรือ shall ที่แสดงถึงการกระทำในอนาคต เมื่อกล่าวถึงแผนการณ์ (plans)
                      หรือความตั้งใจ (intentions) หรือสิ่งที่ได้ตัดสินใจที่จะทำในอนาคต

                         - Are you going to meet your friends at the airport?
                           (เป็นการตั้งใจที่จะไปพบ)
                         - He says he is going to get up very early in the future.
                            (เขาตั้งใจที่จะตื่นเช้าในอนาคต) 
                         - He is going to be a doctor. (ความตั้งใจ)
                         - They are going to perform a play at the end of next term. (แผนการณ์)

                 b) ใช้กับเหตุการณ์ที่คิดว่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ (certain happen)
                         - Be careful! You're going to fall.
                         - Look at that black clouds, it's going to rain.
                         - One day he's going to regret at being so lazy.

                (หมายเหตุ --- "going to" ที่แสดงอนาคตนี้มักนิยมใช้ภาษาพูด (spoken English) มากกว่าภาษาเขียน  (written English)      

ขอบคุณข้อมูลจาก:http://www.lks.ac.th/teacher_jonggonee/kaidream/future_simple.html

Past Perfect Continuous Tense8


โครงสร้าง
         S + had + been + Ving

หลักการใช้

       1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสองเหตุการณ์ในอดีต เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อนและกำลังดำเนินอยู่เป็นเวลาต่อเนื่องกัน
            ก่อนที่จะมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับ Past Perfect นั่นเอง แต่ต่างกับ Past Perfect ตรงที่
           เน้นถึงอาการที่ได้ดำเนินต่อเนื่องกันไปเท่านั้น เช่น 
          - We had been discussing the matter for two and a half hours when he arrived.
                      (แสดงให้เห็นถึงการอภิปรายที่เริ่มต้นก่อนที่เขาจะมาถึง และบางที่จะดำเนินต่อไปอีก) 
          - When he came , she had been waiting for half an hour.
          - She had been living in Phrae for ten years before she moved to Lampang.

             หมายเหตุ -- กริยาบางตัวเท่านั้นที่ใช้รูป Perfect Continuous ได้ เช่น wait , work , live , lie , 

                                sleep,go, play , talk , sit , etc....ซึ่งเป็นกริยาที่แสดงอาการได้นานๆ (long action) 

   2. ใช้แสดงการกระทำที่เป็นอดีต แต่ปรากฎผลให้เห็นในเวลาต่อมา เช่น
          - Mary was dark because she had been sunbathing.
          - I was tired because I had been driving all day.

ขอบคุณข้อมูลจาก:http://www.lks.ac.th/teacher_jonggonee/kaidream/past_perfect_con.html

Part Perfect Tense7


ครงสร้าง
            S + had + V3

   รูปประโยคของ Past Perfect Tense นี้ ไม่ว่าประธานจะเป็นเอกพจน์ หรือพหูพจน์จะต้องใช้กริยาช่วย had กับกริยาช่องที่ 3 เสมอ เช่น

I , He , She,
Jim
had
gone out before John came.
finished reading when Bill came in.
left when Helen reached home.
You , We , They,
Tom and Mary
หลักการใช้ 


      1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้วในอดีตเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อน
อีกเหตุการณ์หนึ่ง 
              เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน ใช้ Past Perfect
              เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง ใช้ Past Simple
              และมักจะเชื่อมด้วยคำว่า when , before , after , until , as soon as , เช่น
                 - He had written to her four times when he got her reply.
                        (ใช้ past perfect เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเขียนถึงเธอ 4 ครั้ง ก่อนที่เขาได้รับคำตอบจากเธอ)

       2. ใช้กับคำว่า by the time
            By the time + Past simple , Past Perfect
                 - By the time the sun set , we had left school.
                 - By the time the children went to bed , they had already finished their homework.

      3. ใช้หลังคำว่า that ในประโยค Indirect Speech ซึ่งเปลี่ยนมาจากประโยค Direct Speech เช่น
                 - He told me that they had left about an hour before.
                 - They said that they had done the report.

       4. ใช้กับ no sooner ................than... (ทันทีที่..........ก็....)
                     Hardly ....................when ....(ทันทีที่..........ก็....)
                     Scarcely ............when .......(ทันทีที่..........ก็....)
            

Subject
had
no sooner
V3
than
Subject
Past Simple
hardly
when
scarcely
when

                   
                     - They had no sooner finished their work than they went out.
                     - They had scarcely left the house when the letter came.

ขอบคุณข้อมูลจาก:http://www.lks.ac.th/teacher_jonggonee/kaidream/past_perfect.html

Part Continuous Tense6

โครงสร้าง
        S + was /were + Ving

I , He , She
John
was
walking
running.
singing.
swimming.
sleeping
at eleven o'clock yesterday.
We, You , They ,
The boys
were

หลักการใช้

       1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีตในเวลาที่บ่งไว้ชัดเจน เช่น
                - They were learning English at eleven o'clock yesterday.
                - At nine o'clock last night we were watching television.

        2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่เป็นเวลานานในเวลาเดียวกันในอดี ซึ่งจะใช้ past continuous
              กับทั้งสองเหตุการณ์นั้น เช่น
               - The students were thinking about their lunch while the teacher was explaining
                  new words.
                         (Two long actions happening at the same time in the past.)
               - She was singing as I was sweeping the floor.

       3. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นและกำลังดำเนินอยู่ และมีอีกเหตุการณ์หนึ่ง
            ซึ่งเป็นเหตุการณ์สั้นๆ เข้ามาแทรก (The first action was happening when the second ,
            shorter action happened.)
            เหตุการณ์ที่เกิดก่อนและกำลังดำเนินอยู่ ใช้ past continuous
            เหตุการณ์สั้นๆ ที่เข้ามาแทรก ใช้ past simple
               - The student interrupted her while she was explaining how to use the machine.
                    (นักเรียนพูดสอดแทรกเธอ ในขณะที่เธอกำลังอธิบายถึงวิธีการใช่เครื่องจักร)
               - When I came home , my mother was talking on the telephone.
               - While/As he was walking past the building , he heard a scream.

           หมายเหตุ --- Clause ที่ตามหลัง when (เมื่อ) มักใช้ past simple ส่วน clause ที่ตามหลัง while (as) (ในขณะที่)
                                มักใช้ past continuous แต่ถ้าเหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในขณะเดียวกัน                                หรือเกือบขณะเดียวกัน ก็ให้ใช้ past simple ทั้งสองเหตุการณ์
 เช่น
                                - They left the hall as I entered it.
  
       4. ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำซากในอดีต ในเวลาที่บ่งไว้ชัดเจน
               - Last year he was taking paino lessons every day.
               - We were visiting my parents every evening while we were in Bangkok

ขอบคุณข้อมูลจาก:http://www.lks.ac.th/teacher_jonggonee/kaidream/past_cont.html

Past Simple Tense5

โครงสร้าง
       S + V2

หลักการใช้

       1. ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้วในอดีต ซึ่งจะมีคำที่บอกเวลาในอดีตกำกับไว้อย่างชัดเจน ดังนี้ คือ
            yesterday (เมื่อวานนี้) , last night (week/month/ year/..etc.)(...ที่แล้ว) , at that time (ในตอนนั้น),
           formerly (เมื่อก่อน) , in the past (ในอดีต) ,  just now (เมื่อสักครู่นี้) , ago (ที่แล้ว), once (ครั้งหนึ่ง),
           in the old days (ในสมัยก่อน) , the day before yesterday (เมื่อวานซืน) , the previous day
           (วันก่อน),  in those days (ในสมัยนั้น) , the other day (วันก่อน) , a few minutes ago
           ( 2-3 นาทีที่ผ่านมา), in 1990 , etc...
            - They came to see me last Thursday.
            - Two days ago I asked you to do the report.
            - I didn't go to school yesterday.
            - Did you learn French last year?

      2. ใช้กับการกระทำอันเป็นนิสัยหรือเคยปฏิบัติมาในอดีต แต่ปัจจุบันไม่เกิดขึ้นแล้ว เช่น
           - John lived in Manchester when he was young.
               (He doesn't live there now and he is no longer young. A completed action and
               a completed state)
           - In the old days we could travel all over Bangkok by boat.
           - Did your father smoke when he was young?
           - No, he didn't.

      3. ใช้กับคำว่า used to ซึ่งแสดงถึงการกระทำอันเป็นนิสัย หรือเคยปฏิบัติมาแล้วในอดีต และในปัจจุบัน
           การกระทำอันนั้นมิได้เกิดขึ้นอีก

                       used to + V1 (= เคยมาแล้วในอดีต) เช่น
             - Mr. Smith used to teach in Japan. (But now he teaches in Thailand.)
             - In the past people used to travel on foot much more often.
             - You used to live in that house , didn't you?

       หมายเหตุ--- ประโยคที่มีคำว่า always, sometimes , often , usually , every day , etc...อาจจะเป็น
                            present หรือ past ก็ได้ ถ้าเป็น past จะต้องมีคำที่บอกเวลาในอดีตกำกับไว้ด้วย เช่น
                          - We usually learned English six hours a weeks when we were in M.3.
                          - She went to school every day last week.

      4. ใช้กับการกระทำในอดีต แสดงลำดับของความต่อเนื่องของเหตุการณ์ เช่น
                 - I opened my bag , took out some money and gave it to my brother.
                      หรือใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน เช่น
                 - He took a bath and listened to the 6 o'clock news.

      5. ใช้กับ clause หลังสำนวน I would rather...... (ฉันอยากจะ...) , It's time ...... (ถึงเวลาแล้ว),
           It's about time ........(ถึงเวลาแล้ว)
 เช่น
                - I would rather you did your homework.
                - It's time the children went to bed. 
ขอบคุณข้อมูลจาก:http://www.lks.ac.th/teacher_jonggonee/kaidream/past_simple.html

Present Perfect Continuous Tense4

ครงสร้าง
      S + has /have + been + V+ing

หลักการใช้

                  1. ใช้กับเหตุหารณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และยังคงดำเนินต่อไป ใช้กับคำว่า since และ for ส่วนมากมักจะใช้กับ verb ที่มีความหมายเป็นการกระทำที่นาน (long action) เช่น learn , lie , stay , sit ,  stand , study , sleep, rest , read , work , wait , play , etc. ต่างกับ present perfect ก็ตรงที่ใช้เน้นการกระทำที่ต่อเนื่องกัน และอาจจะดำเนินต่อไปในอนาคต
       - We have been living here since 1987.
                     (= We came here in the past and we are still living here now.)
   - She's been waiting for a long time.
                                   (= She's still waiting now.)
                         - I've been studying English for eight years.
                                   ( = She's still studying English now.)
                               - James has been painting that door since three o'clock and he hasn't finished it yet.
                   (หมายเหตุ - เหตุการณ์ ทั้งหลายเหล่านี้ยังไม่เสร็จสิ้นลง)

                    2. ใช้กับเหตุการณ์ซึ่งได้เกิดขึ้นและผ่านพ้นไปแล้ว แต่ยังคงทิ้งร่องรอยให้เห็นได้ในขณะที่พูด เช่น
                               - The workmen have been digging up the raod and now the traffic cannot pass.
                               - What have you been eating? Your lips and chin are purple.
                               - We have been driving along muddy roads and now the car is dirty.
                               - He has been drinking and can't walk straight .
                               - He has been studying all night and has fallen aslep in class.
ขอบคุณข้อมูลจาก: http://www.lks.ac.th/teacher_jonggonee/kaidream/present_perfect_cont.html

Present Perfect Tense3

โครงสร้าง
         S + has/have + V3

He , She , The girl
has
finished the report.
written a letter.
sung many songs.
had a drink.
I
We , They , You
The girls
have
Present Perfect Tense ใช้กับ Adverbs of time ต่อไปนี้ since (ตั้งแต่) , for (เป็นเวลา) , just
(เพิ่งจะ), already (เรียบร้อยแล้ว) , yet (ยัง) , recently (เมื่อเร็วๆ นี้ ช่วงนี้) , lately (เมื่อเร็วๆ นี้ ช่วงนี้) , never (ไม่เคย) , ever (เคย) , so far (จากบัดนั้นจนบัดนี้) , up to now (จากบัดนั้นจนบัดนี้) , up to the present time (จนถึงปัจจุบัน) ,many times (หลายครั้ง) , several times (หลายครั้ง) , over and over (ครั้งแล้วครั้งเล่า) ,
at last (ในที่สุด)

   หลักการใช้ 
    1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และยังดำเนินหรือมีผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มักมีคำว่า since และ for อยู่ด้วย    since (ตั้งแต่) ใช้กับจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นั้นๆ ในอดีต (a point of time in the past)
            เช่น   since then (ตั้งแต่นั้น) , since yesterday (ตั้งแต่เมื่อวาน) , since six o'clock (ตั้งแต่ 6 โมง)
                   since last month (ตั้งแต่เดือนที่แล้ว) , since Christmas , since World War II ,
                   since the beginning of the year  , since I was born , since I was young.
          (หลัง since จะตามด้วย คำ หรือวลี ที่บอกอดีต หรือ จะตามด้วย ประโยคที่มีกริยาเป็นอดีต main clause)
            - We have lived in this house since our father died.
            - Since he has changed his job , he has been much happier.
            - That child has grown very much since I last seen him.
            - I have known him since 1990.
            - I have never seen him since last year.
            - My father has smoked since he was young.

        for (เป็นเวลา) ใช้กับจำนวนเวลานับตั้งแต่เหตุการณ์จนถึงขณะที่พูด (a period of time)
            เช่น        for twenty minutes (เป็นเวลา 20 นาที) , for four hours (เป็นเวลา 4 ชั่วโมง) ,
                        for   years (เป็นปีๆ) , for ages (เป็นเวลานาน) , for the last month (เป็นเวลาตลอดเดือนที่แล้ว),
                       for a long time (เป็นเวลานาน) , for the last two years (เป็นเวลาตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา)
            - Billy hasn't written to me for three days.
            - I haven't seen John for many weks.
            - They have lived in this district for a long time.
            - Mary hasn't eaten any meat for over a year.

       (หมายเหตุ - แต่ถ้าข้อความใน main clause เกี่ยวกับระยะเวลาให้ใช้ present simple และ clause หลัง since
                          ให้ใช้ past simple เช่น

                           - It is (seems) a long time since our last holiday.
                           - It is eight years since I left university.
                           - It seems a long time since he left me.
                           - It is two weeks since I wrote to my boyfriend.
                           - How long is it since you moved into your new house?

      2. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งกระทำเสร็จสิ้นใหม่ๆ จะมีคำว่า just , recently (=lately ) = (not long ago) และ
           lately ใช้กับประโยคคำถามและปฏิเสธ

          - Have you finished your assignment?
          - Yes, I have just finished it.
         - The results have just been announced.
         - He has recently got married.
         - Have you been there lately?

     3. ใช้กับคำว่า yet และ already
          yet (ยัง) ใช้กับ Question , Negative Answer และ Negative Statement
          already (เรียบร้อยแล้ว) ใช้กับ Affirmative Statement และ Affirmative Answer

           - We have not yet read that book. (Neg. St.)
           - Has he come back yet ? (Question)
           - No, he has not come back yet. (Neg. Ans.)
           - Yes, he has already come back.
           - Yes, he has come back already.
      ****    already เมื่อเป็นการแสดงความประหลาดใจของผู้พูดจะใช้ในประโยคคำถาม
           - Have you finished your report already?

Question(คำถาม)
Affirmative(บอกเล่า)
Negative(ปฏิเสธ)
-
just
-
yet
-
yet
already
already
-

       4. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตและยังไม่จบในขณะที่พูด จะมีคำว่า ever , never 
          ever ใช้กับ Question
          never ใช้กับ Negative Statement และ Negative Answer
          - Have you ever been to America?       (Question)
          - No, I have never been there.       (Neg. Ans.)
          - Yes, I have been there .  
          - I have never palyed ice-skating. (Neg, St.)

      5.   ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ไม่ได้บ่งเวลาที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน จะมีคำว่า up to the present time ,
             until now , so far , so far this month , at last, 

            - Up to the present time we have had no news from John.
            - I have received no answer from him so far.
            - He has finished his report at last.
   
       6. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำซากหลาย ๆ ครั้ง จะมีคำว่า many times, several times , over and over 
          - I have been to Hua-Hib many times.
          - She has seen "Jurassic Park" several times.
          - We have studied Tenses over and over.
      
       7. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตที่สิ้นสุดลงแล้ว แต่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคต
           - Janet has bought a car so that she will have transportation to work.
           - He has studied all day so that he can go to the dance tonight.

       8. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งยังไม่สิ้นสุด จะมีคำว่า this month , this year
          - Have you had a holiday this year?
          - You have done a lot of work this morning.
          - I have read two books this week.
      9. ใช้ในบทสนทนา จดหมาย รายงาน หนังสือพิมพ์
         Conversation --- I have lost my keys. Have you seen them? Yes, I have seen them.
                                          Yes, I saw them yesterday. (ถ้ามีเวลาบอก ใช้ past simple)
         Letters - -- Dear James,
                             I'm sorry that I haven't written to you for such a long time but I have been
                            very busy working for an examination.
ขอบคุณข้อมูลจาก:http://www.lks.ac.th/teacher_jonggonee/kaidream/present_perfect.html

Present Continuous Tense2




โครงสร้าง


       S   + is, am, are + Ving


หลักการใช้


       1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนั้น (It describes something HAPENING NOW.) โดยมากจะมีคำบอก
            เวลา (Adverbs of Time) อยู่ด้วย ได้แก่ now , at this moment , at the moment , today , at present,
            still เช่น
               - We are studying English at present.
               - You are wearing school uniform today.

       2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะยาว และไม่จำเป็นต้องทำในขณะที่พูด ปกติจะมีเวลากำกับไว้ด้วย เช่น this week ,
            this year , etc.. เช่น
               - She is knitting a pullover for her son. (She may or may not be knitting at the actual
                  moment of speaking.)
              - Tony usually walks to school but today he is going by bus.
              - The headmistress is writing a book.
              - We are studying English One this term.
              - My brother is revising for his exam this week.

       3. ใช้กับเหตุการณ์ซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ และเชื่อว่าจะเกิดขึ้นแน่นอน มักเป็นกริยาที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว
             และจะมีเวลากำกับไว้ เช่น
            - I am seeing him tomorrow.
            - He is leaving for London on Friday.
            - We are moving into a new house next month.
   
       4. ถ้า present continuous เชื่อมด้วย and เราจะตัดกริยาช่วยตัวหลังออก (When two continuous tenses
           are joined by "and" the auxilary verb may be dropped before the second verb.)
           - He is smoking a cigar and reading the newspaper.

       5. กริยา Listen , look, watch , smell จงใจใช้แบบ continuous ได้ เช่น
          - Don't disturb him now , he is listening to a radio play.
          - Why are you looking at that car?
          - Why are you smelling the fish?
          - The police are watching the house.
          - We are looking at the house as we are thinking of buying it.
          - The director is seeing the applicants today.

รูปประโยคใน Present Continuous คือ is , am , are ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 ซึ่งเติม ing
I
am
working.
doing homework.
playing tennis.
reading in the library.
writing some letters.
He, She, It
The boy
is
We, They , You
The boys
are
ขอบคุณข้อมูลจาก:http://www.lks.ac.th/teacher_jonggonee/kaidream/present_cont.html

Present Simple Tense1



 
โครงสร้าง :    Subject + Verb 1 (s, es)


       หลักการใช้
                   1) ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำซ้ำๆ เป็นประเพณีและเป็นนิสัย (Repeated actions , customs and habits)
                            - He visits his family every weekend.               (repeated action)
                            - Ethiopians celebrate Christmas on 7 January.        (custom)
                            - He goes to be at nine o'clock every night.           (habit)

                    2) ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ (universal truth)
                            - The earth goes round the sun.
                            - The sun rises in the east and sets in the west.
                            - The sun shines by day ; the moon shines by night.

                    3) ใช้กับความสามารถ (ability)
                            - He plays the guitar very well.
                            - That man speaks English as well as he speaks his own language.

                     4) ใช้แทน Future หลังคำ if , unless, in case ในขณะที่ประโยคเงื่อนไข และคำ when , until, as soon as,
                          before , after
                             - If the weather is fine tomorrow , we shall have a picnic.
                             - We shall go out when the rain stops.
                             - We can't begin playing as soon as the whistle blows.
                            - I shall eat before he arrives.

               
 5) คำกริยาบางคน เราจะไม่ใช้รูป present continuous tense แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะกำลังเกิดขึ้น
                          หรือกำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันก็ตาม เช่น verb to be --- I am late now. กริยาเหล่านี้แบ่งออกเป็น 6 ชนิดคือ
                                   5.1 กริยาที่บ่งภาวะที่บังคับไม่ได้ (verb for states over which we have no control)
                                           ได้แก่ กริยา see , hear , feel , taste , smell เช่น
                                                 -  I see that it is raining again.
                                                 -  I hear someone knocking at the door.
                                                 - This towel feels very soft.
                                                 - This soup tastes good.
                                                 - His breath smells bad.
                                   5.2 กริยาที่แสดงความนึกคิด (verb for ideas) เช่น know (รู้) , understand (เข้าใจ) , think (คิด) ,
                                          believe (เชื่อ) , disbelieve (ไม่เชื่อ) , suppose (สมมุติ) , doubt (สงสัย) ,
                                         agree (เห็นด้วย), disagree (ไม่เห็นด้วย) , realize (ตระหนัก) , consider (พิจารณา) ,
                                          notice (สังเกต) , recognize (จำได้) , forget (ลืม) , remember (จำ) , recall (ระลึกได้) เช่น
                                               - He now knows as much about the lesson as you do.
                                               - I believe what he is saying is true.
                                               - We agree to his suggestion.
                                               - The teacher considers him as an industrial srtudent.
                                               - I dony recall where I met him.               etc.
                                    5.3 กริยาที่แสดงความชอบและความไม่ชอบ (Verbs for liking and disliking) เช่น like (ชอบ) ,
                                           dislike (ไม่ชอบ) , love (รัก) , hate (เกลียด) , detest (ชิงชัง) , prefer (ชอบ) ,
                                            forgive (ยกโทษ) , trust (ไว้ใจ) , distrust (ไม่ไว้ใจ) เช่น
                                              - I like the movie I saw yesterday.
                                              - She detests people who are unkind to animals.
                                              - We prefer to go out without him.
                                              - I distrusthis young lady.       etc.
                                    5.4 กริยาที่แสดงความปรารถนา (verbs for wishing) เช่น   wish (ปรารถนา) , want (ต้องการ) ,
                                           desire (ปรารถนา) เช่น
                                             - He wishes to leave as early as possible.
                                             - She wants to go to Italy.
                                             - We all desire happiness and health.
                                    5.5 กริยาที่แสดงความเป็นเจ้าของ (Verbs of possession) เช่น possess (เป็นเจ้าของ) ,
                                           have (มี) , own (เป็นเจ้าของ) , belong to (เป็นของ) เช่น
                                            - He possesses two new cars.
                                            - She has more money than she needs.
                                            - I own several actres of land.
                                            - This bicycle belongs to my brother.
                                    5.6 กริยาเฉพาะบางคำ (Certain other verbs) เช่น be (เป็น อยู่ คือ) , appear (ปรากฎ) ,
                                           seem (ดูเหมือน) , mean (หมายความว่า) , please (พอใจ) , displease (ไม่พอใจ) ,
                                           differ (แตกต่าง) , depend (ขึ้นอยู่กับ , พึ่งพา) , resemble (ดูเหมือน) , deserve
                                         (สมควรได้รับ) , refuse (ปฏิเสธ) , result (ส่งผลให้) , suffice (พอเพียง) , consist of
                                          (ประกอบด้วย) , contain (ประกอบด้วย) , hold (บรรจุ) , fit (เหมาะสม คู่ควร) , suit (เหมาะสม) เช่น
                                          - She is very selfish.
                                          - He resembles his father.
                                          - She refuses to marry him.
                                          - New Zealand consists of two islands.
                                          - The pink dress she is wearing suits her. ......etc...
                     6. ใช้กับ adverbs of time ดังต่อไปนี้
                          often (บ่อยๆ) , always (เสมอๆ) , sometimes (บางครั้ง) , usually (โดยปกติ) , generally (โดยปกติ),
                          normally (โดยปกติ) , frequently (บ่อยๆ) , rarely (แทบจะไม่เคย นานๆ ครั้ง) , seldom (แทบจะไม่เคย
                          นานๆครั้ง) , scarcely (แทบจะไม่เคย นานๆ ครั้ง) , hardly (แทบจะไม่เคย) , never (ไม่เคย) ,
                          in general (โดยปกติ) , now and again (บางครั้งบางคราว) , from time to time (บางครั้งบางคราว)
                         occasionally (บางโอกาส) , as a rule (ตามกฎ) , once a week (สัปดาห์ละครั้ง) , once a month
                          (เดือนละครั้ง) , twice a week (สองครั้งต่อสัปดาห์) , three times a week (สามครั้งต่อสัปดาห์) ,
                         every day (ทุกวัน) , every other day (วันเว้นวัน) , every (night / month, week/year/
                         Thursday) เช่น
                                - He is never late for school.
                                - He always studies grammar in the morning.
                                - She visits her parents every month.

ขอบคุณข้อมูลจาก: http://www.lks.ac.th/teacher_jonggonee/kaidream/present_simple.html